การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาความปลอดภัยในโรงเรียน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหาร และครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 359 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบ 2) แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยด้านสภาพที่เป็นจริง มีค่าความเที่ยงตรงระหว่าง 0.60-1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.49–0.88 ค่าความเชื่อมั่น 0.98 ส่วนด้านสภาพที่ควรจะเป็น มีค่าความเที่ยงตรงระหว่าง 0.60-1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.37–0.92 ค่าความเชื่อมั่น 0.98 3) แบบสอบถามแนวทางการพัฒนาความปลอดภัยในโรงเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น
ผลการวิจัยพบว่า
1) ความปลอดภัยในโรงเรียนประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ 2) การจัดบริการความปลอดภัยในโรงเรียน 3) สวัสดิศึกษา 4) อาคารสถานที่ และ 5) สภาพแวดล้อมทางสังคม โดยทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
2) สภาพที่เป็นจริงของความปลอดภัยในโรงเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ส่วนสภาพที่ควรจะเป็นของความปลอดภัยในโรงเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
3) ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาความปลอดภัยในโรงเรียนโดยภาพรวมมีค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น เท่ากับ 0.367 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่ สวัสดิศึกษา การจัดบริการความปลอดภัยในโรงเรียน สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ สภาพแวดล้อมทางสังคม และอาคารสถานที่ ตามลำดับ
4) แนวทางการพัฒนาความปลอดภัยในโรงเรียน มี 2 ด้าน ได้แก่ สวัสดิศึกษาและการจัดบริการความปลอดภัยในโรงเรียน โดยภาพรวมแนวทางการพัฒนามีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด
This research aimed to assess the needs to develop of school safety. The participants consisted of 359 school administrators and teachers from schools under the Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 2, who were recruited using multi-stage sampling in academic year 2024. The tools used in data collection included 1) a evaluation form 2) a set of 5-level rating scale questionnaire, which the part of actual state indicated validity index ranged from 0.60-1.00, discrimination power index ranged from 0.49–0.88, reliability index was at 0.98, whereas the part of desirable state indicated validity index ranged from 0.60-1.00, discrimination power index ranged from 0.37–0.92 and reliability index was at 0.98 , and 3) a questionnaire on guidelines for developing school safety. The data were analyzed for frequency, percentage, mean, standard deviation, and modified priority needs index.