การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์ และ หาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารที่สัมพันธ์กับประสิทธิผลของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนขนาดใหญ่/ใหญ่พิเศษ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานศึกษาธิการภาค 11 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานทั่วไป ครูผู้รับผิดชอบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และ ครูประจำชั้น ปีการศึกษา 2567 จำนวน 323 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางของเครจซี่และมอร์แกน และใช้การสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ ซึ่งแบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหาร มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.32 - 0.81 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.83 แบบสอบถามเกี่ยวกับประสิทธิผลของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.33 – 0.69 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.94 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า 1. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหาร โดยรวมอยู่ในระดับมาก 2. ประสิทธิผลของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมาก 3. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหาร จำแนกตามสถานภาพ จังหวัดที่ตั้งของโรงเรียน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน พบว่า โดยรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน 4. ประสิทธิผลของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน จำแนกสถานภาพ ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน พบว่า โดยรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน และจังหวัดที่ตั้งของโรงเรียนที่ต่างกัน พบว่า โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 5. ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารกับประสิทธิผลของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน พบว่า มีความสัมพันธ์ทางบวกอยู่ในระดับต่ำ (rXtYt = 0.207) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 6. แนวทางการพัฒนาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารกับประสิทธิผลของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ประกอบด้วย 6.1 ภาวะผู้นำดิจิทัล จำนวน 3 ด้าน คือ 1) วิสัยทัศน์ดิจิทัล ผู้บริหารสถานศึกษาการกำหนดนโยบาย กำหนดวิสัยทัศน์ กำหนดกลยุทธ์ 2) ความสามารถในการใช้ดิจิทัลของผู้บริหาร พัฒนาตนเอง ให้มีความเชี่ยวชาญด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ 3) การสื่อสารดิจิทัล ใช้สื่อดิจิทัลในการติดต่อสื่อสาร 6.2 ประสิทธิผลของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน จำนวน 2 ด้าน คือ 1) กำหนดทิศทาง/กลยุทธ์ ผู้บริหารสถานศึกษาควรมีการกำหนดกลยุทธ์ในการปฏิบัติงาน และ 2) การวางระบบและแผนการดำเนินงาน ผู้บริหารสถานศึกษาควรมีการวางระบบงานที่ชัดเจน สะดวก รวดเร็ว
This research aimed to examine, compare, and determine the relationship, and establish guidelines for developing administrators’ digital leadership that correlated with the effectiveness of student assistance system management in large or extra-large schools under the Regional Educational Office 11. The sample consisted of 323 participants, including school directors, deputy directors for general administration departments, teachers responsible for the student assistance system, and homeroom teachers in the 2024 academic year. The sample size was determined using Krejci and Morgan's table and selected through multi-stage random sampling. The data collection tools comprised sets of 5-level rating scale questionnaires and interview forms. One set of questionnaires assessed the administrators’ digital leadership, with the discriminative power ranging from 0.32 to 0.81 and the reliability of 0.83. Another questionnaire measured the effectiveness of the student assistance system management, with the discriminative power ranging from 0.33 to 0.69 and the reliability of 0.94. Statistics for data analysis included frequency, percentage, mean, standard deviation, One-Way ANOVA, and Pearson's product-moment correlation coefficient. The findings were as follows. 1. The administrators’ digital leadership was overall at a high level. 2. The effectiveness of the student assistance system management was overall at the highest level. 3. The administrators’ digital leadership, classified by participants’ positions, school location’s province, and work experience, overall and in each aspect, showed no differences. 4. The effectiveness of the student assistance system management, classified by participants’ positions and work experience, overall and in each aspect, showed no differences. Regarding school location province, the differences were observed overall at the .01 level of significance. 5. The administrators’ digital leadership and the effectiveness of student assistance system management showed a positive relationship with a low level (rXtYt = .247) at the .01 level of significance. 6. The guidelines for developing administrators’ digital leadership and the effectiveness of student assistance system management were revealed: 6.1 Digital Leadership comprised three aspects: 1) Digital Vision, administrators must formulate policies, visions, and strategies; 2) Ability in Digital Utilization, administrators should engage in self-development to gain expertise in digital technology; and 3) Digital Communication, administrators should use digital media for communication. 6.2 Effectiveness of Student Assistance System Management comprised two aspects: 1) Setting Direction and Strategies, administrators should formulate strategic plans to enhance performance, and 2) Designing Operational Systems and Plans, administrators should develop clear, efficient, and streamlined work systems.
