การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ ศึกษาความสัมพันธ์และหาแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารและประสิทธิผล การบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ปีการศึกษา 2567 จำนวน 116 คน จาก 6 โรงเรียน โดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจากตารางของเครจซี่และมอร์แกนและใช้การสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม เกี่ยวกับภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหาร มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.36 - 0.78 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.96 แบบสอบถามเกี่ยวกับประสิทธิผล การบริหารงานวิชาการ สู่ความเป็นเลิศในโรงเรียนมัธยมศึกษา มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.36 - 0.90 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.97 และแบบสัมภาษณ์แนวทางพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหาร สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่นของค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha coefficient) ตามวิธีของครอนบาค (Cronbach’ s Alpha Coefficient) ผลการวิจัยพบว่า 1. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารในโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก 2. ประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศในโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก 3. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารในโรงเรียนมัธยมศึกษา จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนจำแนกตามลักษณะการเปิดสอน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน โดยรวมไม่แตกต่างกัน 4. ประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศในโรงเรียนมัธยมศึกษา จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง โดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนจำแนกตามลักษณะการเปิดสอน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน โดยรวมไม่แตกต่างกัน 5. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารและประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร โดยรวมมีความสัมพันธ์กันทางบวก โดยมีความสัมพันธ์กันอยู่ในระดับสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (rxy = .826**) 6. แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารมี 4 ด้าน ได้แก่ 1) การรู้ดิจิทัล 2) การสื่อสารดิจิทัล 3) การสร้างวัฒนธรรมดิจิทัล และ 4) จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และแนวทางการพัฒนาประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศในโรงเรียนมัธยมศึกษา มี 5 ด้าน ได้แก่ 1) การพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา 2) การวัดผล ประเมินผล และการเทียบโอนผลการเรียน 3) การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา 4) การนิเทศการศึกษา และ 5) การพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษา
This research aimed to examine, compare, and determine the relationship, and establish guidelines for developing the relationship between administrators’ digital leadership and the effectiveness of academic affairs administration toward excellence in secondary schools under the Sakon Nakhon Provincial Administrative Organization. The research sample consisted of 116 participants, including administrators and teachers from six schools under the Sakon Nakhon Provincial Administrative Organization in the academic year 2024. The sample size was determined from the Krejcie and Morgan table and selected through multi-stage random sampling. The data collection tools included the questionnaire sets. The set of questionnaires assessing administrators’ digital leadership had the discriminative power ranging from 0.36 to 0.78 and the reliability of 0.96. Another questionnaire measured the effectiveness of academic administration toward excellence in secondary schools, with the discriminative power ranging from 0.36 to 0.90 and the reliability of 0.97. The interview form was also employed for establishing guidelines for developing administrators’ digital leadership. The statistics for data collection included frequency, percentage, mean, standard deviation, discriminative power values, and reliability analysis using Cronbach's Alpha coefficient. The research results found that 1. The administrators’ digital leadership in secondary schools was at a high level overall. 2. The effectiveness of academic affairs administration toward excellence in secondary schools was at a high level overall. 3. The administrators’ digital leadership in secondary schools, classified by positions, was statistically significantly different at the .01 level, while those classified by types of programs offered and work experience showed no differences overall. 4. The effectiveness of academic affairs administration toward excellence in secondary schools, classified by positions, was statistically significantly different at the .01 level, while those classified by types of programs offered and work experience were not statistically different overall. 5. The administrators’ digital leadership and the effectiveness of academic affairs administration toward excellence in secondary schools were positively related overall, with a high level of relationship (rxy = .826**) at the .01 level of significance. 6. The proposed guidelines for developing administrators’ digital leadership consisted of four aspects: 1) Digital literacy; 2) Digital communication; 3) Creating a digital culture; and 4) Ethical use of digital technology. Additionally, the proposed guidelines for developing the effectiveness of academic affairs administration toward excellence in secondary schools involved five aspects: 1) Development of educational media, innovation, and technology; 2) Measurement, evaluation, and transfer of learning outcomes; 3) Research for educational quality development; 4) Educational supervision; and 5) Development of educational quality assurance systems.
