การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์ หาอำนาจพยากรณ์ และหาแนวทางพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานทั่วไปในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 จำแนกตามสถานภาพ และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานบริหารทั่วไป และครูผู้สอน ปีการศึกษา 2566 จำนวน 325 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ Krejcie and Morgan และใช้การสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ประกอบด้วย (1) แบบสอบถามภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .691 – .922 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .985 และ (2) แบบสอบถามประสิทธิผลการบริหารงานทั่วไปในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .581–.918 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .988 และแบบสัมภาษณ์แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานทั่วไปในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน (Pearson’s Product-Moment Correlation Coefficient) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแต่ละขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1. ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 โดยรวมอยู่ในระดับมาก 2. ประสิทธิผลการบริหารงานทั่วไปในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 โดยรวมอยู่ในระดับมาก 3. ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร จำแนกตามสถานภาพ และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานที่ต่างกัน โดยรวมไม่แตกต่างกัน 4. ประสิทธิผลการบริหารงานทั่วไป จำแนกตามสถานภาพ และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานที่ต่างกัน โดยรวมไม่แตกต่างกัน 5. ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร และประสิทธิผลการบริหารงานทั่วไปในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา โดยรวมมีความสัมพันธ์กันทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติติที่ระดับ .01 โดยมีความสัมพันธ์กันในระดับสูง 6. ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร ด้านที่มีอำนาจพยากรณ์ประสิทธิผลการบริหารงานทั่วไป อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ได้แก่ ด้านการทำงานเป็นทีม และด้านความคิดสร้างสรรค์ มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ ด้านวิสัยทัศน์ 7. แนวทางพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร มี 3 ด้าน คือ 7.1 ด้านความคิดสร้างสรรค์ ดำเนินการโดยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การศึกษาดูงาน การอบรมเพิ่มทักษะ และการเชื่อมโยงองค์ความรู้เดิมกับแนวคิดใหม่อย่างเป็นระบบ 7.2 ด้านการทำงานเป็นทีม ดำเนินการโดยสร้างบรรยากาศเชิงบวกและเปิดกว้าง มุ่งเน้นการช่วยเหลือกัน สร้างความไว้วางใจ และกิจกรรมสัมพันธ์ 7.3 ด้านวิสัยทัศน์ ดำเนินการโดยสร้างเป้าหมายร่วมกันอย่างครอบคลุมในการมองภาพรวม มีการกำหนดทิศทางที่ชัดเจน และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ผ่านกระบวนการฝึกอบรม การคิดนอกกรอบ และการศึกษาพัฒนาตนเอง
This research aimed to examine, compare, and determine the relationship, identify the predictive power, and propose guidelines for developing creative leadership of administrators that affected the effectiveness of general administration in the Educational Opportunity Expansion Schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 1, classified by participants’ status and work experience. The sample group comprised 325 participants, including school administrators, heads of general administration departments, and teachers in the 2023 academic year. The sample size was determined using Krejcie and Morgan’s table and was selected through multi-stage random sampling. The research instruments included 5-point Likert scale questionnaires. The questionnaires covered (1) administrators’ creative leadership, with the discriminative power ranging from .691 to .922 and the reliability of .985, and (2) the effectiveness of general administration in extended opportunity schools, with the discriminative power ranging from .581 to .918 and the reliability of .988. The interview forms were also utilized to explore guidelines for developing creative leadership affecting the effectiveness of general administration in the Educational Opportunity Expansion Schools. The statistics employed for data analysis included mean, standard deviation, One-Way ANOVA, Pearson’s Product-Moment Correlation Coefficient, and Stepwise multiple regression analysis. The findings were as follows: 1. The administrators’ creative leadership in the Educational Opportunity Expansion Schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 1 was rated overall at a high level. 2. The effectiveness of general administration in the Educational Opportunity Expansion Schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 1 was rated overall at a high level. 3. The administrators’ creative leadership, when categorized by status and work experience, showed no significant difference overall. 4. The effectiveness of general administration, when categorized by status and work experience, showed no significant differences overall. 5. The administrators’ creative leadership was positively and significantly correlated with the effectiveness of general administration at the .01 level of significance, with a high correlation. 6. The administrators’ creative leadership that could predict the effectiveness of general administration at the .01 level of significance included three aspects: teamwork and creativity, while the vision dimension was at the .05 level of significance 7. The proposed development guidelines for enhancing creative leadership among administrators include the following three aspects: 7.1 Creativity: Encourage knowledge sharing through experience exchange, field studies, skill enhancement training, and systematic integration of existing knowledge with new ideas. 7.2 Teamwork: Foster a positive and open environment that emphasizes mutual support, trust-building, and collaborative activities. 7.3 Vision: Establish comprehensive shared goals by focusing on a clear direction, continuously developing personnel potential through training, out-of-the-box thinking, and self-improvement practices.
