การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ ศึกษาความสัมพันธ์และหาแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารกับประสิทธิผลการบริหารทั่วไปในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสกลนคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหาร หัวหน้ากลุ่มบริหารทั่วไป และครูผู้สอน ประจำปีการศึกษา 2567 จำนวน 334 คน จำแนกเป็น ผู้บริหาร จำนวน 45 คน หัวหน้ากลุ่มบริหารทั่วไป จำนวน 45 คน และ ครูผู้สอน จำนวน 244 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ โดยแบบสอบถามเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ประกอบด้วย ตอนที่ 1 ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหาร มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.274 - 0.777 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.973 ตอนที่ 2 ประสิทธิผลการบริหารงานทั่วไปในโรงเรียน มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.274 – 0.777 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.979 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยรายคู่และค่าสหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์ ผลการวิจัยพบว่า1. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารโดยรวมอยู่ในระดับมาก2. ประสิทธิผลการบริหารทั่วไป โดยรวมอยู่ในระดับมาก3. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหาร จำแนกตามสภาพการดำรงตำแหน่ง ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน พบว่า โดยรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน ส่วนจำแนกตามขนาดของโรงเรียน พบว่า โดยรวมและรายด้าน มีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .014. ประสิทธิผลการบริหารทั่วไปในโรงเรียน จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง ขนาดของโรงเรียนและประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน พบว่า โดยรวม ไม่แตกต่างกัน5. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารกับประสิทธิผลการบริหารทั่วไปในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสกลนคร มีความสัมพันธ์ทางบวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยรวมมีความสัมพันธ์อยู่ในระดับสูง (rxy=0.795**) 6. แนวทางการพัฒนาภาวะผู้ดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสกลนคร จำนวน 5 ด้าน คือ ด้านการมีวิสัยทัศน์ดิจิทัล ผู้บริหารมองเห็นถึงความสำคัญและเป้าหมายให้ชัดเจนในการสร้างนวัตกรรมและส่งเสริมสนับสนุนการนำดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงานในสถานศึกษา ด้านการรู้ดิจิทัล ผู้บริหารควรพัฒนาตนเอง ครู และบุคลากรทางการศึกษาด้วยการอบรม เรียนรู้ทักษะดิจิทัล รู้วิธีการใช้ นำมาประยุกต์ในการบริหารจัดการสถานศึกษา จนเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบริหารงาน ด้านการสื่อสารดิจิทัล ผู้บริหารควรเป็นผู้นำในการใช้แอปพลิเคชันและเทคโนโลยีการสื่อสารได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและภาระงานที่ซ้ำซ้อน ทำให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่า ด้านการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ดิจิทัล ผู้บริหารควรเป็นผู้นำในการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถด้านดิจิทัลอย่างรอบด้าน สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการปฏิบัติงานและสร้างเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และด้านการพัฒนาสู่มืออาชีพทางดิจิทัล ผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาการศึกษาและบริหารจัดการโรงเรียนอย่างสร้างสรรค์ และก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ
This research aimed to investigate, compare, and determine the relationship and establish guidelines for developing the relationship between the digital leadership of administrators and the effectiveness of general administration in schools under the Secondary Educational Service Area Office (SESAO) Sakon Nakhon. The sample consisted of 45 administrators, 45 heads of the general administration group, and 244 Teachers, yielding 334 participants. The research instruments included a set of questionnaires and interview forms. The questionnaires comprised: Part I, digital leadership of administrators, with the discriminative power ranging from 0.274 to 0.777 and the reliability of 0.973; Part II, the effectiveness of general administration in schools, with the discriminative power ranging from 0.274 to 0.777 and the reliability of 0.979. The statistics used in the data analysis were percentage, mean, standard deviation, One - Way ANOVA, LSD multiple comparisons, and Pearson’s product -moment correlation coefficient. The findings were as follows:1. The school administrators’ digital leadership was overall at a high level 2. The effectiveness of the general administration was overall at a high level.3. The administrators’ digital leadership, classified by positions and work experience, showed no differences, both overall and in each aspect. However, when classified by school sizes, differences were observed both overall and in each aspect at the .01 level of significance.4. The effectiveness of general administration in schools, classified by positions, school sizes, and work experience, showed no difference overall.5. The administrators’ digital leadership and the effectiveness of general administration in schools under the SESAO Sakon Nakhon showed a positive relationship overall at the .01 level of significance, with a high level of correlation (rxy = 0.795**).6. The guidelines for developing administrators’ digital leadership under the SESAO Sakon Nakhon were proposed in five aspects: Possessing a Digital Vision, administrators recognize the importance and establish clear goals for fostering innovation, and supporting the integration of digital tools in school administration; Digital Literacy, administrators should engage in developing self, teachers, and educators through training for teachers, and educators to enhance digital skills, and to integrate digital technologies in school administration, optimizing efficiency and effectiveness; Digital Communication, administrators should take the lead in utilizing both online and offline communication applications and technologies to reduce unnecessary steps, and redundancy, thereby ensuring increased effectiveness and added value; Creating a Digital Learning Culture, administrators should take the lead in promoting personnel development, to improve digital knowledge and abilities, supporting digital technology utilization for task performance, and building networks for continuous knowledge exchange in digital practices; and Development toward Digital Profession, administrators must have a clear vision for creatively integrating digital technology into educational development and school management and for transitioning effectively into the digital era.
