การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ ศึกษาความสัมพันธ์ศึกษาอำนาจพยากรณ์ และหาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนในจังหวัดสกลนคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 45 คน และครูผู้สอน จำนวน 211 คน รวมทั้งหมดจำนวน 256 คน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนในจังหวัดสกลนคร ในปีการศึกษา 2567 กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตาราง Krejcie And Morgan และสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็น แบบสอบถามภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารทั้งฉบับ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .717-.827 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .930 และแบบสอบถามประสิทธิผลของการบริหารโรงเรียนทั้งฉบับ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .815-926 ค่าความเชื่อมั่นทั้งกับ .966 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแต่ละขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหาร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนในจังหวัดสกลนคร โดยรวมอยู่ในระดับมาก 2. ระดับประสิทธิผลการบริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนในจังหวัดสกลนคร โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 3. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหาร ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง ไม่แตกต่างกัน จำแนกตามขนาดของสถานศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และจำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4. ประสิทธิผลการบริหารโรงเรียน ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง ขนาดของสถานศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนจำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ไม่แตกต่างกัน 5. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารกับประสิทธิผลการบริหารโรงเรียน มีความสัมพันธ์ทางบวกอยู่ในระดับระดับสูง (rXY = 0.872**) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 6. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหาร ที่นำมาวิเคราะห์จำนวน 4 ด้าน พบว่า มีจำนวน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการรู้ดิจิทัล ด้านการสร้างวัฒนธรรมดิจิทัล และด้านการสื่อสารดิจิทัล สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการบริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนในจังหวัดสกลนคร ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยร่วมกันพยากรณ์ได้ร้อยละ 77.30 7. การวิจัยในครั้งนี้ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารโรงเรียน จำนวน 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการรู้ดิจิทัล ผู้บริหารควรมีการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร หรือกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนผ่านกลุ่มไลน์ หน้าเพจ หรือเว็บไซต์ของโรงเรียน 2) ด้านการสร้างวัฒนธรรมดิจิทัล ผู้บริหารควรช่วยเหลือ ส่งเสริม และแลกเปลี่ยนความรู้ ให้ครูได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลหรือโปรแกรมพื้นฐานได้ และ 3) ด้านการสื่อสารดิจิทัล ผู้บริหารควรมีทักษะความรู้ ความเข้าใจ การใช้ เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อนำมาพัฒนากระบวนการบริหารสถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
The research aimed to examine, compare, and determine the relationship, identify the predictive power, and establish guidelines for developing administrators’ digital leadership affecting the effectiveness of school administration under the Private Education Commission in Sakon Nakhon Province. The research sample consisted of 256 participants, including 45 school administrators and 211 teachers working under the Private Education Commission in Sakon Nakhon Province in the 2024 academic year. The sample size was determined using the Krejcie and Morgan table, and multi - stage sampling. The instruments for data collection comprised sets of questionnaires assessing administrators’ digital leadership and the effectiveness of school administration, with the discriminative power ranging from 0.717 to 0.827, and from 0.815 to 0.926, and the reliability of 0.930 and 0.966, respectively. The statistics for data analysis included frequency, percentage, mean, standard deviation, One-Way ANOVA, Pearson's product-moment correlation coefficient, and Stepwise multiple regression analysis. The results revealed that: 1. The administrators’ digital leadership was rated overall at a high level. 2. The overall effectiveness of school administration was rated at the highest level. 3. The digital leadership of administrators, as perceived by participants with different positions, showed no difference. In terms of school sizes, differences were found at the .01 level of significance. However, a significant difference was observed regarding work experience at the .05 level of significance. 4. The effectiveness of school administration, as perceived by participants with different positions and school sizes, showed a difference at the .01 level of significance, but no significant difference was observed regarding work experience. 5. The administrators’ digital leadership and the effectiveness of school administration showed a positive relationship with a high level of correlation (rxy = 0.872**), at the .01 level of significance. 6. The analysis of administrators’ digital leadership identified four key aspects, of which three, namely digital literacy, digital culture building, and digital communication, could predict the effectiveness of school administration at the .01 level of significance, accounting for 77.30 percent. 7. The proposed guidelines for developing administrators’ digital leadership affecting the effectiveness of school administration comprised three aspects: 1) Digital Literacy: Administrators should manage public relations for school news and activities through LINE groups, online platforms, or the school website; 2) Digital Culture Building: Administrators should support and share knowledge with teachers to enhance their use of digital technology and basic programs; and 3) Digital Communication: Administrators should have skills, knowledge, understanding, and utilization of digital technology to improve the school administration process effectively.
