การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อศึกษา เปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์หาอำนาจพยากรณ์ และหาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสกลนคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสกลนคร ปีการศึกษา 2567 จำนวน 337 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา 45 คน และครูผู้สอน 292 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ Krejcie and Morgan และใช้การสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ประกอบด้วยแบบสอบถามภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหาร มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.496-0.870 ความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.880 แบบสอบถามประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูมีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.448-0.872 ความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.892 และแบบสัมภาษณ์แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบ t - test ชนิด Independent Samples การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One - Way ANOVA) การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแต่ละขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาโดยรวมอยู่ในระดับมาก 2. ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู โดยรวมอยู่ในระดับมาก 3. ผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่งและขนาดโรงเรียน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 4. ผลการเปรียบเทียบประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน พบว่า ไม่แตกต่างกัน ส่วนจำแนกตามขนาดโรงเรียน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 5. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู มีความสัมพันธ์กันในทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 โดยมีความสัมพันธ์อยู่ในระดับสูง (rxy=0.875) 6. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 5 ด้าน ที่สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 คือ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษา การเป็นพลเมืองดิจิทัล การมีความรู้ดิจิทัล การสร้างวัฒนธรรมดิจิทัล และการสื่อสารผ่านดิจิทัล โดยมีอำนาจพยากรณ์ ร้อยละ 76.70 และมีความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการพยากรณ์เท่ากับ ±2.4706 7. แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสกลนคร เสนอแนะไว้ 5 ด้าน ได้แก่ 1) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษา ควรสนับสนุนและส่งเสริมให้ครูผลิตสื่อ นวัตกรรม โดยการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย 2) การเป็นพลเมืองดิจิทัล ใช้สื่อออย่างมีจรรยาบรรณ จริยธรรม ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น 3) การมีความรู้ดิจิทัล ควรพัฒนาทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 4) การสร้างวัฒนธรรมดิจิทัล ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรในโรงเรียนตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลในการปฏิบัติงาน และ 5) การสื่อสารผ่านดิจิทัล ควรสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย สามารถใช้ในการเผยแพร่ข่าวสาร การสื่อสารระหว่างบุคคล หรือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือองค์กรได้
The purposes of this research were to examine, compare, and determine the relationship between the digital leadership of school administrators and the teachers’ performance effectiveness, determine the predictive power, and establish guidelines for developing digital leadership of school administrators that affected the performance effectiveness of teachers within schools. The sample included 45 school administrators and 292 teachers working under the Secondary Educational Service Area Office Sakon Nakhon in the academic year 2024, yielding a total of 337 participants. Participant selection for the study involved stratified random sampling based on the sample size determined using the Krejcie and Morgan table. The instruments for data collection were two sets of 5-point scale questionnaires measuring the digital leadership of school administrators with discriminative powers ranging from 0.448 to 0.872 and reliability of 0.880, and the performance effectiveness of teachers with discriminative powers ranging from 0.448 to 0.872 and reliability of 0.892, as well as an interview form for digital leadership of school administrators that affected teacher performance. Statistics for data analysis included frequency, percentage, mean and standard deviation, Independent Samples t-test, One-Way ANOVA, Pearson's product-moment correlation coefficient, and Stepwise multiple regression analysis. The findings were as follows: 1. The digital leadership of school administrators was overall at a high level. 2. The performance effectiveness of teachers in schools was overall at a high level. 3. The digital leadership of school administrators, as perceived by participants with positions and school sizes, showed differences at the 0.01 significance level. When considering work experience, differences were observed at the 0.05 level of significance. 4. The performance effectiveness of teachers in schools, as perceived by participants with different positions and work experience, was not different. In terms of school sizes, it was different at the 0.01 level of significance. 5. The digital leadership of school administrators and the performance effectiveness of teachers showed a positive relationship at the 0.01 level of significance with a high level of correlation (rxy=0.875). 6. The digital leadership of school administrators within five aspects could predict the performance effectiveness of teachers at the 0.01 level of significance with the predictive power of 76.70 percent and the standard error estimate of ±2.4706. 7. The guidelines for developing digital leadership of school administrators affecting the performance effectiveness of teachers consisted of five aspects: 1) Using digital technology in school administration- encouraging teachers to create media and innovations using diverse digital technologies; 2) Digital citizen-promoting ethical use of digital media and respecting others' rights. 3) Digital literacy- enhancing digital skills and understanding among teachers and staff; 4) Digital culture- fostering awareness of the importance of using digital technology in school operations; and 5) Digital communication- utilizing social media for communication, information sharing, and relationship-building.
