การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ และหาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ในยุคพลิกผันของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดสกลนคร ตามความคิดเห็นของข้าราชการ พนักงานราชการ และพนักงานจ้างเหมาบริการ การวิจัยมี 2 ตอน ตอนที่ 1 ศึกษาความต้องการจำเป็น กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ข้าราชการ พนักงานราชการ และพนักงานจ้างเหมาบริการ สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดสกลนคร ปีการศึกษา 2567 จำนวน 171 คน โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ในยุคพลิกผันของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดสกลนคร โดยสภาพปัจจุบันของแบบสอบถามภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ในยุคพลิกผันของผู้บริหารสถานศึกษา มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .906 – .932 และมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .972 แบบสอบถามสภาพที่พึงประสงค์ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .846 – .961 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .967 ตามลำดับสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ใช้สถิติทดสอบ One - Way ANOVA และการคำนวณระดับความต้องการจำเป็นใช้วิธี Modified Priority Needs Index (PNImodified) ตอนที่ 2 แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารในยุคพลิกผัน โดยการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญแล้วทำการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ในยุคพลิกผันของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมากและมากที่สุดตามลำดับ 2. สภาพปัจจุบันภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ในยุคพลิกผันของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง และขนาดสถานศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงานไม่แตกต่างกัน ส่วนสภาพที่พึงประสงค์ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ในยุคพลิกผันของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ไม่แตกต่างกัน จำแนกตามขนาดสถานศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ในยุคพลิกผันของผู้บริหารสถานศึกษา โดยเรียงลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับแรก ได้แก่ ด้านการมีความยืดหยุ่น ด้านการมีจินตนาการของผู้นำดิจิทัล และด้านผู้นำการเปลี่ยนแปลง 4. แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ในยุคพลิกผันของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดสกลนคร มี 3 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านการมีความยืดหยุ่น ผู้บริหารควรมีความคิดที่หลากหลาย สามารถปรับตามสถานการณ์ต่าง ๆ ในโลกที่มีความเปราะบาง 2) ด้านการมีจินตนาการของผู้นำดิจิทัล ผู้บริหารควรศึกษาหาความรู้ทั้งในสื่อออนไลน์หรือศึกษาดูงานจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ และ 3) ด้านผู้นำการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารควรมีวิสัยทัศน์ที่ทันโลกยุคเทคโนโลยีดิจิทัล มีการสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นบุคลากรให้สามารถพัฒนาตนเองในการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร
The purposes of this research were to examine, compare, and establish guidelines for developing creative leadership in the disruptive era of school administrators under the Sakon Nakhon Office of Learning Encouragement, as perceived by participants. The research was conducted in two phases: The first phase investigated the needs of the sample, obtained through multi-stage sampling, consisting of 171 participants, including civil servants, government officials, and contract employees under the Sakon Nakhon Office of Learning Encouragement, in the 2024 academic year. The data collection tool included sets of questionnaires assessing current and desired conditions of school administrators’ creative leadership in the disruptive era under the Sakon Nakhon Office of Learning Encouragement, with the discriminative power ranging from 0.906 to 0.932, from 0.846 to 0.961, and the reliability of 0.972 and 0.967, respectively. The statistics for data analysis were percentage, mean, and standard deviation. The hypothesis was tested using One - Way ANOVA, and the level of needs was calculated using the Modified Priority Needs Index (PNImodified). The second phase involved examining guidelines for developing administrators’ creative leadership in the disruptive era through expert interviews and content analysis. The findings were as follows: 1. The current and desirable conditions of school administrators’ creative leadership in the disruption era were overall at a high level and the highest level, respectively. 2. The current condition of school administrators’ creative leadership in the disruptive era, classified by positions and school sizes, showed a difference at the .01 level of significance, whereas no significant difference was observed based on work experience. For the desirable condition of school administrators’ creative leadership in the disruptive era, classified by positions and work experience, did not yield significant differences, but school sizes did at the 0.01 level of significance. 3. The need for developing school administrators’ creative leadership in the disruptive era was ranked as follows, from most to least important: flexibility, digital leaders’ imagination, and change leaders. 4. The guidelines for developing school administrators’ creative leadership in the disruptive era under the Sakon Nakhon Office of Learning Encouragement encompassed three aspects as follows: 1) Flexibility: Administrators should cultivate diverse perspectives and demonstrate adaptability to various situations in a fragile world; 2) Digital Leaders’ Imagination: Administrators should actively seek knowledge through online media and study visits to various learning sources; and 3) Change Leaders: Administrators should maintain a vision that aligns with the digital technology era, inspire and encourage personnel toward self-improvement for increased work efficiency, and promote professional development.
