งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วย วัสดุและสสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้อินโฟกราฟิกร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาและเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน และ 4) ศึกษาสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้อินโฟกราฟิกร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเชิงชุมราษฎร์นุกูล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 30 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้อินโฟกราฟิกร่วมการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามสมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t-test for Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้อินโฟกราฟิกร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน หน่วย วัสดุและสสาร มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.07/82.17 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้2. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วย วัสดุและสสาร โดยใช้อินโฟกราฟิกร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานมีคะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อนเรียนร้อยละ 41.33 และหลังเรียนร้อยละ 80.56 เมื่อเปรียบเทียบคะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แสดงว่า การจัดการเรียนรู้ที่ได้ปฏิบัติด้วยตนเองสอดคล้องกับช่วงวัยที่เหมาะสม กระตุ้นให้นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยใช้อินโฟกราฟิกร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .014. สมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้อินโฟกราฟิกร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานอยู่ในระดับดี มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.33
The purposes of this research were to: 1) construct lesson plans on Materials and Matter Unit of Prathomsuksa 4 students based on infographics with problem-based learning to meet the efficiency criteria of 80/80, 2) explore and compare students’ science process skills before and after the intervention, 3) compare students’ learning achievement before and after the intervention, and 4) examine the key competencies and desired characteristics of students after the intervention. The sample, obtained through a cluster random sampling, consisted of 30 Prathomsuksa 4 students at Choengchumratnukul School under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 1, during the second semester in the 2023 academic year. The research instruments included lesson plans based on infographics combined with problem-based learning management, a science process skills test, a learning achievement test, and a set of questionnaires regarding students’ key competencies and desired characteristics. Statistics for data analysis included percentage, mean, standard deviation, and t-test for Dependent Samples.
The research results were as follows:
1. The lesson plans based on infographics combined with problem-based learning management on Materials and Matter Unit achieved the efficiency of 81.07/82.17, which was higher than the defined criteria of 80/80.2. The students’ science process skills after the intervention showed pretest and posttest percentages of 41.33 and 80.56, respectively. In comparison, the posttest mean score of science process skills was statistically higher than the pretest score at the .01 level of significance. This result indicated that the developed learning management, which fosters experiential learning and aligns with age-appropriate periods, could significantly enhance students’ scientific process skills.3. The students’ learning achievement after the intervention was statistically higher than that before the intervention at the .01 level of significance.4. The students’ key competencies and desired characteristics after the intervention were at a good level, with a mean score of 2.33.
