การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการจัดการศึกษาของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 การวิจัยมีทั้งหมด 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบ กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน เพื่อประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งชี้ เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสังเคราะห์องค์ประกอบ แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 2 ศึกษาความต้องการจำเป็น กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 338 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ แบบตอบสนองคู่ โดยด้านสภาพที่เป็นจริง มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.60-1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.43-0.91 ค่าความเชื่อมั่น 0.98 และด้านสภาพที่ควรจะเป็นมีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.60-1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.34-0.89 ค่าความเชื่อมั่น 0.98 สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น ระยะที่ 3 ศึกษาแนวทางในการพัฒนา กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ แบบตอบสนองคู่ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. องค์ประกอบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการจัดการศึกษาประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ 29 พฤติกรรมบ่งชี้ ได้แก่ การร่วมมือกับชุมชน มี 6 พฤติกรรมบ่งชี้ การตัดสินใจ มี 4 พฤติกรรมบ่งชี้ การอบรมเลี้ยงดู มี 5 พฤติกรรมบ่งชี้ การจัดการเรียนรู้ที่บ้าน มี 5 พฤติกรรมบ่งชี้ การอาสาสมัคร มี 4 พฤติกรรมบ่งชี้ และการสื่อสารกับโรงเรียน มี 5 พฤติกรรมบ่งชี้ โดยภาพรวมองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งชี้มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 2. สภาพที่เป็นจริงของการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการจัดการศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนสภาพที่ควรจะเป็นโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 3. ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการจัดการศึกษา พบว่า ด้านการจัดการเรียนรู้ที่บ้านมีความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสูงที่สุด 4. แนวทางในการพัฒนาการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการจัดการศึกษามี 1 ด้าน ได้แก่ ด้านการจัดการเรียนรู้ที่บ้าน โดยมี 15 แนวทาง ผลการประเมินแนวทางการพัฒนามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และมีความเป็นไปได้อยู่ในระดับมาก
This study aimed to assess the needs for developing parental participation in the educational management of schools under the Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 1. The study was conducted in three phases. Phase 1 was to identifying key components of parental participation. The key informants consisted of five experts, who evaluated the propriety of the identified components and indicative behaviors. The instruments included a synthesis form and a 5-level rating scale questionnaire. The statistics used were frequency, percentage, mean, and standard deviation. Phase 2 was to assess the needs of parental participation development. The participants consisted of 338 school administrators and teachers, which were recruited using multi-stage sampling. The tool included a 5-level rating scale questionnaire, which the part of actual state indicated validity index ranged from 0.60 to 1.00, discrimination power index ranged from 0.43 to 0.91, and reliability index was at 0.98, whereas desirable state indicated validity index ranged from 0.60 to 1.00, discrimination power index ranged from 0.34 to 0.89, and reliability index was 0.98. Statistics used were mean, standard deviation, and priority needs index. Phase 3 was to composed the parental participation development. The key informants included five experts. The tool consisted of a 5-level rating scale questionnaire. The statistics used were mean and standard deviation. The findings were as follows. 1. The parental participation in educational management consisted of six principal components and 29 indicative behaviors, namely collaboration with the community (6 behaviors), decision-making (4 behaviors), parenting (5 behaviors), home-based learning support (5 behaviors), volunteering (4 behaviors), and communication with the school (5 behaviors). In overall, the components and indicative behaviors showed the highest level of propriety. 2. The actual state of parental participation in educational management was found to be at moderate level, whereas the desirable state was at high level. 3. The need of parental participation tin the aspect of home-based learning support show the highest priority need for development. 4. The development guidelines of parental participation development in the aspect of home-based learning support showed 15 strategies. The strategies indicated the highest level of propriety, and showed high level of feasibility.
