การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารในศตวรรษที่ 21 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 จำนวน 327 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษา ในศตวรรษที่ 21 2) แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันและสภาพที่ควรจะเป็นของสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โดยด้านสภาพปัจจุบันมีค่าความเที่ยงตรง ระหว่าง 0.60-1.00 ค่าอำนาจจำแนก ระหว่าง 0.167-0.868 ค่าความเชื่อมั่น 0.98 ส่วนด้านสภาพที่ควรจะเป็นมีค่าความเที่ยงตรง ระหว่าง 0.60-1.00 ค่าอำนาจจำแนก ระหว่าง 0.195-0.914 ค่าความเชื่อมั่น 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีลำดับความสำคัญของ ความต้องการจำเป็น ผลการวิจัยพบว่า 1. องค์ประกอบสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 มี 6 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) การพัฒนาตนเอง 2) การทำงานเป็นทีม 3) การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการปฏิบัติงาน 4) การบริการที่ดี 5) การมีวิสัยทัศน์ และ 6) การมุ่งผลสัมฤทธิ์ โดยภาพรวมองค์ประกอบมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 2. สภาพปัจจุบันของสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ส่วนสภาพที่ควรจะเป็นของสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 3. ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษา ในศตวรรษที่ 21 โดยภาพรวมมีค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น เท่ากับ 0.097 เมื่อพิจารณาเป็นรายองค์ประกอบ โดยเรียงจากมากไปน้อย ดังนี้ การมีวิสัยทัศน์ การพัฒนาตนเอง การบริการที่ดี การมุ่งผลสัมฤทธิ์ การทำงานเป็นทีมและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการปฏิบัติงาน ตามลำดับ 4. แนวทางในการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 มี 3 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านการมีวิสัยทัศน์ ได้แก่ การบริหารองค์กรการสร้างวิสัยทัศน์ การเผยแพร่วิสัยทัศน์ 2) ด้านการบริการที่ดี ได้แก่ ความพึงพอใจของผู้รับบริการ ความตั้งใจในการให้บริการ และ 3) ด้านการพัฒนาตนเอง ได้แก่ การหาความรู้เพิ่มเติม การปรับพฤติกรรมตนเอง โดยภาพรวมแนวทางการพัฒนามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
The objective of this study was to assess the needs of the competency development of school administrators in the 21st century. The participants consisted of 327 school administrators and teachers in schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 1, who were recruited using multi-stage sampling. The instruments used to collect the data included, 1) an evaluation form to assess the propriety of the components of administrator competency in the 21st century and 2) a questionnaire, which the part of the current state indicated validity index ranged from 0.60-1.00, discrimination power index ranged between 0.167-0.868, and reliability index was at 0.98, where as the desirable states indicated validity index ranged from 0.60-1.00, discrimination power index between 0.195- 0.914, and reliability index was at 0.98. The collected data were analyzed for frequency, percentage, mean, standard deviation, and modified priority needs index. The findings were as follows. 1. The competencies of the 21st century administrators consisted of six components, namely 1) self-development, 2) teamwork, 3) utilization of Information technology in operations, 4) good services, 5) vision, and 6) achievement motivation. The components were rated, in overall, at the highest level of propriety. 2. The current state of the 21st century administrator competencies, in overall, was rated at high level, whereas the desirable state,in overall, was rated at the highest level 3. The needs of competency development of the 21st century administrators indicated an overall modified priority needs index at 0.097. The components were prioritized form vision, followed by self-development, good service, achievement motivation, teamwork, and utilization of information technology in operations, respectively. 4. The proposed guidelines for 21st century school administrators’ competency development composed of three aspects, namely 1) vision, included, organizational management, vision creation and vision dissemination, 2) good service, included client satisfaction and service commitment. and 3) self-development, included knowledge acquisition and self-behavioral adjustment. The guidelines were rated at the highest level of propriety.
