การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ของครู กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียนและครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 ปีการศึกษา 2567 รวมทั้งสิ้น 349 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยสภาพปัจจุบันมีค่าความเที่ยงตรงระหว่าง 0.60-1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.49-0.89 และค่าความเชื่อมั่น 0.99 ส่วนสภาพที่ควรจะเป็น มีค่าความเที่ยงตรงระหว่าง 0.60-1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.36-0.97 และค่าความเชื่อมั่น 0.97 และแบบสอบถามแนวทางการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ของครู สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นแบบปรับปรุง ผลการวิจัยพบว่า 1. ทักษะการจัดการเรียนรู้ของครู ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ 1) หลักสูตร 2) การออกแบบการเรียนรู้ 3) การจัดกิจกรรมการสอน 4) การใช้สื่อการเรียนรู้ และ 5) การวัดและประเมินผล โดยทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 2. สภาพปัจจุบันของทักษะการจัดการเรียนรู้ของครู โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ส่วนสภาพที่ควรจะเป็นของทักษะการจัดการเรียนรู้ของครู โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 3. ผลการประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ของครู โดยภาพรวมมีค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น เท่ากับ 0.155 เมื่อพิจารณารายองค์ประกอบโดยเรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านหลักสูตร ด้านการใช้สื่อการเรียนรู้ ด้านการวัดและประเมินผล ด้านการออกแบบการเรียนรู้ และด้านการจัดกิจกรรมการสอน ตามลำดับ 4. แนวทางในการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ของครู มี 2 ด้าน ได้แก่ ด้านหลักสูตรและด้านการใช้สื่อการเรียนรู้ โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
This study aimed to assess the needs for teachers' learning management skills development in schools. The participants comprised 349 school administrators and teachers in schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 2, who were recruited using multi-stage sampling in academic year 2024. The instruments used in data collection included a 5-level rating scale questionnaire, which the current state showed validity index ranged from 0.60 to 1.00, discrimination power index ranged from 0.49 to 0.89, and reliability index was at 0.99, whereas the desirable state showed validity index ranged from 0.60 to 1.00, discrimination power index ranged from 0.36 to 0.97, and reliability index was at 0.97. Additionally, a questionnaire on the guidelines for developing teachers' learning management skills. Data analysis was conducted using frequency, percentage, mean, standard deviation, and modified priority needs index. The findings were as follows. 1. Teachers' learning management skills consisted of five components, namely 1) curriculum, 2) learning design, 3) Instructional activities, 4) learning media utilization and 5) assessment and evaluation. All components showed the highest level of propriety. 2. The current state of teachers' learning management skills in schools, in overall, was at high level, whereas the desirable state, in overall, was at the highest level. 3. The needs assessment for teachers' instructional management skill development, in overall, showed modified priority needs index was at 0.155. The components were prioritized were as: curriculum, followed by instructional media utilization, assessment and evaluation, learning design, and instruction, respectively. 4. The approach to developing teachers' instructional management skills consisted of two aspects, namely curriculum and instructional media utilization. All guidelines showed the highest level of propriety.
