การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์ หาอำนาจพยากรณ์ และหาแนวทางพัฒนาภาวะผู้นำของผู้บริหารยุคใหม่ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 จำแนกตามสถานภาพ ประเภทของโรงเรียน และกลุ่มโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานบริหารวิชาการ และครูผู้สอน ปีการศึกษา 2566 จำนวน 321 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ Krejcie and Morgan และใช้การสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi - Stage Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ประกอบด้วย แบบสอบถามภาวะผู้นำของผู้บริหารยุคใหม่ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.579 – 0.962 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.994 แบบสอบถามประสิทธิผลโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.699 – 0.963 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.978 และแบบสัมภาษณ์แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำของผู้บริหารยุคใหม่ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน (Pearson’s Product - Moment Correlation Coefficient) ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha coefficient) ตามวิธีของครอนบาค (Cronbach's Alpha coefficient) ค่าสถิติที (t - test) ชนิด Independent Samples (F - test) แบบการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแต่ละขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1. ภาวะผู้นำของผู้บริหารยุคใหม่และประสิทธิผลโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานบริหารวิชาการ และครูผู้สอน อยู่ในระดับมาก 2. ภาวะผู้นำของผู้บริหารยุคใหม่และประสิทธิผลโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานบริหารวิชาการ และครูผู้สอน จำแนกตามสถานภาพ และประเภทของโรงเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนจำแนกตามกลุ่มโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลโดยรวมไม่มีความแตกต่างกัน 3. ภาวะผู้นำของผู้บริหารยุคใหม่และประสิทธิผลโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานบริหารวิชาการ และครูผู้สอน โดยรวมและรายด้านมีความสัมพันธ์กันทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติติที่ระดับ .01 โดยมีความสัมพันธ์ระดับสูง 4. ภาวะผู้นำของผู้บริหารยุคใหม่ ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ด้านความฉลาดทางอารมณ์ และด้านการประสานความร่วมมือ มีอำนาจพยากรณ์ประสิทธิผลโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล โดยรวม ได้มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยพยากรณ์ร้อยละ 66.40 และมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการพยากรณ์เท่ากับ ±.29788 5. ภาวะผู้นำของผู้บริหารยุคใหม่ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลโดยรวม ที่ต้องหาแนวทางพัฒนา มี 3 ด้าน คือ 5.1 ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ดำเนินการโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการบริหารและการเรียนรู้ ครอบคลุมการพัฒนาทักษะของโรงเรียน ครู และนักเรียน และการยกระดับศักยภาพดิจิทัลของบุคลากร 5.2 ด้านความฉลาดทางอารมณ์ ดำเนินการโดยเน้นการฝึกควบคุมและจัดการอารมณ์อย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารอารมณ์ตนเอง และการสร้างแรงจูงใจเชิงบวก 5.3 ด้านการประสานความร่วมมือ ดำเนินการโดยการทำงานที่เปิดรับฟังความคิดเห็นและสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ผ่านการแลกเปลี่ยนทรัพยากรอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานแบบมีส่วนร่วม โดยใช้หลักกัลยาณมิตร
This research aimed to examine, compare, and determine the relationship, identify the predictive power, and establish guidelines for developing new - age administrators’ leadership affecting the effectiveness of the quality subdistrict schools under Udon Thani Primary Educational Service Area Office 3, as perceived by participants with different status, school types, and quality sub - district school groups. The research sample consisted of 321 participants, including school administrators, heads of academic affairs administration, and teachers during the 2023 academic year. The sample size was determined using the Krejcie and Morgan table and multi-stage random sampling. The data collection instruments included 5 - point Likert scale questionnaires: a set of questionnaires assessing new - age administrators’ leadership, with discrimination values ranging from 0.579 to 0.962 and the reliability of 0.994, and other questionnaires measuring the effectiveness of quality subdistrict schools, with discrimination values ranging from 0.699 to 0.963 and the reliability of 0.978; and structured interview forms about guidelines for developing new - age administrators’ leadership. Statistical analysis included percentage, mean, standard deviation, Pearson’s product - moment correlation coefficient, Cronbach's Alpha Coefficient, independent samples t - test, One - Way ANOVA F - test, and Stepwise multiple regression analysis. The findings were as follows: 1. The new - age administrators’ leadership and the effectiveness of quality subdistrict schools, as perceived by participants, were rated at a high level. 2. The new - age administrators’ leadership and the effectiveness of quality subdistrict schools, as evaluated by participants, differed significantly at the 0.01 level based on status and school types. However, no significant differences were found overall when classified by quality subdistrict school groups. 3. The new - age administrators’ leadership and the effectiveness of quality subdistrict schools demonstrated a statistically significant positive relationship at the 0.01 level, with a high correlation. 4. The new - age administrators’ leadership in terms of digital technology utilization, emotional intelligence, and collaboration could predict the effectiveness of quality subdistrict schools at the 0.01 level of significance, accounting for 66.40 percent of the variance, with a standard error of prediction of ±0.29788. 5. The leadership of new-age administrators affecting the effectiveness of quality subdistrict schools is required for further development within three aspects 5.1 Digital Technology Utilization: This involves applying technology in management and learning, encompassing skill development for schools, teachers, and students, as well as enhancing the digital potential of personnel. 5.2 Emotional Intelligence: This emphasis is placed on training to effectively control and manage emotions, regulate self-emotions, and foster positive motivation. 5.3 Collaboration: This entails fostering environments that value open communication and the establishment of collaborative networks through tangible resource-sharing and the promotion of a participatory work culture guided by principles of goodwill and mutual respect.
