การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์ อำนาจพยากรณ์และแนวทางพัฒนาปัจจัยทางการบริหารตามแนวคิดวิถีใหม่ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 310 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 60 คน และครูผู้สอน จำนวน 250 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางของเครจซี่และมอร์แกน และสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ โดยแบบสอบถามปัจจัยทางการบริหารตามแนวคิดวิถีใหม่ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.745 – 0.921 ค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.987 แบบสอบถามประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนในโรงเรียน มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.670 – 0.905 ค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.905 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One - Way ANOVA) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน (Pearson’s Product - Moment Correlation Coefficient) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแต่ละขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1. ปัจจัยทางการบริหารตามแนวคิดวิถีใหม่ในโรงเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด 2. ประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครูในโรงเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด 3. ปัจจัยทางการบริหารตามแนวคิดวิถีใหม่ จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง ขนาดโรงเรียน ประสบการณ์การปฏิบัติงาน โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และจำแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวมไม่แตกต่างกัน 4. ประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครูในโรงเรียน จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง ประสบการณ์การ ปฏิบัติงานและขนาดของโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และจำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ไม่แตกต่างกัน 5. ปัจจัยทางการบริหารตามแนวคิดวิถีใหม่ (X) กับประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครูในโรงเรียน (Y) สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 โดยรวมมีความสัมพันธ์ทางบวกอยู่ในระดับสูง (rXY = .788**) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 6. ปัจจัยทางการบริหารตามแนวคิดวิถีใหม่ ที่สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครูในโรงเรียน ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ได้แก่ 1) ด้านการพัฒนาบุคลากร 2) ด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 3) ด้านบรรยากาศและวัฒนธรรมองค์การ และ 4) ด้านภาวะผู้นำ และสามารถร่วมกันพยากรณ์ประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครูในโรงเรียน ได้ร้อยละ 71.70 และมีความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการพยากรณ์เท่ากับ ±0.12893 7. แนวทางการพัฒนาปัจจัยทางการบริหารตามแนวคิดวิถีใหม่ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครูในโรงเรียนจำนวน 4 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านการพัฒนาบุคลากร ได้แก่ ผู้บริหารส่งเสริมให้บุคลากรพัฒนาตนเองให้ทันสมัยอยู่เสมอ 2) ด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ ผู้บริหารส่งเสริมสนับสนุนให้ครูใช้เทคโนโลยีประกอบการปฏิบัติงานให้เกิดผลสำเร็จและมีประสิทธิภาพ 3) ด้านบรรยากาศและวัฒนธรรมองค์การ ได้แก่ ผู้บริหารควรส่งเสริมให้ทำงานกันเป็นทีม มีการสร้างเครือข่าย ปฏิบัติหน้าที่โดยให้มีความเป็นกัลยาณมิตร และ 4) ด้านภาวะผู้นำ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาควรพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีองค์ความรู้ทั้งในด้านการบริหาร
The research aimed to examine, compare, and determine the relationship, identify the predictive power, and establish guidelines for developing administrative factors based on the New Normal Concept affecting the effectiveness of learning management among teachers in schools under Nakhon Phanom Primary Educational Service Area Office 2 (NPM - ESAO 2). The sample consisted of 310 participants, comprising 60 school administrators and 250 teachers in the 2024 academic year. The sample size determination was calculated through the Krejcie and Morgan table, and selected using multi - stage random sampling. The research tools comprised sets of questionnaires and interview forms. The questionnaires assessed administrative factors based on the New Normal Concept, and the effectiveness of teachers’ learning management in NPM - ESAO 2, with the discriminative power ranging from 0.745 to 0.921, and from 0.670 to 0.905, and the reliability of 0.987 and 0.905. Statistics for data analysis included frequency, percentage, mean, standard deviation, One - Way ANOVA, Pearson’s product - moment correlation coefficient, and Stepwise multiple regression analysis. The research findings were as follows: 1. The administrative factors based on the New Normal Concept in schools were at the highest level. 2. The effectiveness of teachers' learning management in schools was at the highest level. 3. The overall administrative factors based on the New Normal Concept, classified by positions, school sizes, and work experience, showed differences at the .01 level of significance. However, no differences were observed when considering school sizes. 4. The overall effectiveness of teachers’ learning management in schools, classified by participants’ positions, work experience, and school sizes, showed differences at the .01 level of significance. No differences were observed in terms of work experience. 5. The administrative factors based on the New Normal Concept (X) and the effectiveness of teachers’ learning management in schools (Y), overall, showed a high level of positive relationship (rXY = .788**) at the .01 level of significance. 6. The administrative factors based on the New Normal Concept, comprising: 1) personnel development, 2) information technology systems, 3) organizational atmosphere and culture, and 4) leadership, could jointly predict the effectiveness of teachers’ learning management in schools at the .01 level of significance, accounting for 71.70 percent, and the standard error of estimate of ±0.12893 7. The guidelines for developing administrative factors based on the New Normal Concept could predict the effectiveness of teachers’ learning management in schools, consisting of four aspects as follows: 1) Personnel Development, administrators should support personnel to engage in self - development to stay current with advancements; 2) Information Technology Systems, administrators should promote teachers to integrate technology into practices to enhance success and effectiveness; 3) Organizational Atmosphere and Culture, administrators should encourage teamwork, foster network-building, and perform duties with goodwill; and 4) Leadership, school administrators should develop their expertise, particularly in the field of administration.
