การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ ความต้องการจำเป็น และแนวทางพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา ศึกษาธิการภาค 11 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน ศึกษาธิการภาค 11 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 352 คน จากโรงเรียน 44 โรงเรียน การกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างใช้ตารางของเครจซี่และมอร์แกน สุ่มกลุ่มตัวอย่างโดยใช้การสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามมาตราส่วน ประมาณค่า 5 ระดับ ซึ่งแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันมีค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง 0.612 – 0.963 และมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.986 และสภาพที่พึงประสงค์มีค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ ระหว่าง 0.335 – 0.925 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.977 และแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีความต้องการจำเป็นทดสอบสมมติฐานโดยใช้การวิเคราะห์ t-test และ One-way ANOVA และการคำนวณระดับความต้องการจำเป็นใช้วิธี Modified Priority Needs Index (PNImodified) ผลการวิจัย พบว่า 1. สภาพปัจจุบันของการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก ส่วนสภาพที่พึงประสงค์โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 2. สภาพปัจจุบันของการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง จำแนกตามเขตพื้นที่การศึกษาที่สังกัด และจำแนกตามประสบการณ์การปฏิบัติงานโดยรวม พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. สภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา จำแนก สถานภาพการดำรงตำแหน่งและจำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงานโดยรวม พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนจำแนกตามเขตพื้นที่การศึกษาที่สังกัดโดยรวม พบว่าไม่แตกต่างกัน 4. ความต้องการจำเป็นในพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษาตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน โดยเรียงลำดับความสำคัญจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ด้านการพัฒนาหลักสูตร และลำดับสุดท้าย คือ ด้านพัฒนากระบวนการเรียนรู้ 5. แนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา ศึกษาธิการภาค 11 ที่ได้จากการเก็บข้อมูลภาคสนามของโรงเรียนที่มีความเป็นเลิศ (Best Practice) การบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา ทั้ง 3 ด้าน จนประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ มี 3 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน 2) ด้านการพัฒนาหลักสูตร และ 3) ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
This research aimed to examine the current and desired conditions, needs, and guidelines for developing academic affairs administration in the world-standard secondary schools. The research sample consisted of 352 participants, including school administrators and teachers from 44 schools under the Regional Education Office No. 11 in the 2024 academic year. The sample size was determined using the Krejcie and Morgan table, and selected stratified random sampling. The research instrument was a set of 5-point Likert scale questionnaires assessing the current and desired conditions, with the discriminative power ranging from 0.612 to 0.963, from 0.335 to 0.925, and the reliability of 0.986 and 0.977. The statistics for data analysis were percentage, mean, standard deviation, t-test, One-way ANOVA, and Modified Priority Needs Index (PNImodified). The findings were as follows: 1. The current condition of academic affairs administration in the world-standard secondary schools was at a high level overall, and the desired condition was at the highest level overall. 2. The current condition of academic affairs administration in the world-standard secondary schools, classified by positions, Educational Service Area, and work experience, showed differences at the 0.1 level of significance. 3. The desired condition of academic affairs administration in the world-standard secondary schools, classified by positions and work experience, showed a statistically significant difference at the 0.1 level overall. When classified by the educational service area, no differences were found overall. 4. The needs for developing academic affairs administration in the world-class standard secondary schools, as perceived by participants, were ranked from most to least important as follows: 1) Research for Teaching and Learning Development, 2) Curriculum Development, and 3) Learning Process Development. 5. The development guidelines for academic affairs administration in the world-class standard secondary schools in the Education Regional No. 11 were derived from field data collection on best practices, emphasizing academic affairs administration in the world-class standard secondary schools. The three aspects that have led to evident success were as follows: 1) Research for Teaching and Learning Development, 2) Curriculum Development, and 3) Learning Process Development.
