การวิจัยในครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ สภาพปัจจุบันสภาพที่พึงประสงค์ ความต้องการจำเป็นและแนวทางการพัฒนาสมรรถนะ ด้านดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองนครพนม ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน ประจำปีการศึกษา 2567 จำนวน 126 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัจจุบัน และสภาพที่พึงประสงค์สมรรถนะด้านดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองนครพนม โดยสภาพปัจจุบันของแบบสอบถามสมรรถนะด้านดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียน มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.290 – 0.928 และมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.985 แบบสอบถามสภาพที่พึงประสงค์มีค่าอำนาจจำแนก อยู่ระหว่าง 0.566 – 0.940 และมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.989 และแบบสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อเสนอแนวทางการพัฒนา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีความต้องการจำเป็น การทดสอบสมมติฐานใช้สถิติการทดสอบค่าสถิติที และสถิติทดสอบเอฟ
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์สมรรถนะด้านดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากและมากที่สุด
2. ผลการเปรียบเทียบสภาพปัจจุบันสมรรถนะด้านดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองนครพนม จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง ขนาดโรงเรียน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน พบว่า โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน ส่วนสภาพที่พึงประสงค์ จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่งและขนาดโรงเรียน โดยรวม พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนจำแนก
ตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน โดยรวมพบว่า พบว่า ไม่แตกต่างกัน
3. ความต้องการจำเป็นสมรรถนะด้านดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียนโดยเรียงลำดับความต้องการจำเป็นจากมากไปหาน้อย ดังนี้ 1) ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประยุกต์และพัฒนาศักยภาพของโรงเรียน 2) ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการวางแผนและจัดการโครงการของโรงเรียน 3) ด้านการออกแบบและสร้างนวัตกรรมระบบสารสนเทศในโรงเรียน 4) ด้านการเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมาย นโยบาย และมาตรฐานการจัดการด้านดิจิทัล และ 5) ด้านการรู้และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารงานในโรงเรียน
4. การวิจัยครั้งนี้ได้นำเสนอแนวทางที่เหมาะสมในการพัฒนาสมรรถนะด้านดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองนครพนม จำนวน 3 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประยุกต์และพัฒนาศักยภาพของโรงเรียน ผู้บริหารควรพัฒนาทักษะดิจิทัล สนับสนุนการเรียนรู้ และสร้างความร่วมมือกับองค์กรภายนอกเพื่อพัฒนาแผนกลยุทธ์เทคโนโลยีในโรงเรียน 2) ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการวางแผนและจัดการโครงการของโรงเรียน ผู้บริหารควรสนับสนุนการใช้เครื่องมือดิจิทัลผ่านการฝึกอบรมบุคลากร และประเมินการใช้เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และ 3) ด้านการออกแบบและสร้างนวัตกรรมระบบสารสนเทศในโรงเรียน ผู้บริหารควรพัฒนาทักษะเทคโนโลยีและฝึกอบรมบุคลากรเพื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพการบริหารจัดการในโรงเรียนให้มีคุณภาพดีขึ้น
The research aimed to examine and compare the current and desired conditions, needs, and guidelines for developing digital competency of school administrators under Nakhon Phanom Municipality, as perceived by school administrators and teachers. The research sample consisted of 126 participants, including school administrators and teachers, in the 2024 academic year. The tools for data collection included a set of questionnaires on current and desired conditions for digital competency of school administrators under Nakhon Phanom Municipality. The set of questionnaires examining the current condition of digital competency of school administrators had the discriminative power ranging from 0.290 to 0.928 and the reliability of 0.985, whereas the desired condition questionnaire had the discriminative power ranging from 0.566 to 0.940 and the reliability of 0.989. The interviews with scholars were also conducted to establish the development guidelines. Statistics for data analysis were percentage, mean, standard deviation, and Priority Needs Index. The hypothesis was tested using t - test and F - test.
The results showed that:
1. The overall current of school administrators’ digital competency was high, while the desired condition was at the highest level.
2. The comparison analysis revealed that the current conditions of school administrators’ digital competency under Nakhon Phanom Municipality, classified by positions, school sizes, and work experience, showed no differences, both overall and in each aspect. The desired conditions, classified by positions and school sizes, showed differences at the .05 level of significance, but there were no differences in work experience.
3. The needs for school administrators’ digital competency were ranked from most to least as follows: 1) Using digital technology to enhance school potential; 2) Using digital technology in planning and managing school projects; 3) Designing and creating innovations in information systems in schools; 4) Understanding and complying with digital management laws, policies and standards; and 5) Knowledge and utilization of digital technology in school administration.
4. The research has proposed guidelines for school administrators’ digital competency development under Nakhon Phanom Municipality comprising three aspects as follows: 1) Using digital technology to enhance school potential, administrators should develop digital skills, support learning, and create partnerships with external organizations to develop strategic technology plans within schools;
2) Using digital technology in planning and managing school projects, administrators should support the use of digital tools through personnel training and continuous evaluation of technology use; 3) Designing and creating information system innovations in schools, administrators should develop technological skills and train personnel to use information technology effectively. This will improve the quality of school management.
