การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนา การจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยผู้บริหารโรงเรียนและครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 345 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยด้านสภาพที่เป็นจริงมีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ระหว่าง 0.80-1.00 ค่าอำนาจจำแนก ระหว่าง 0.35-0.85 และค่าความเชื่อมั่น 0.96 ส่วนด้านสภาพที่ควรจะเป็นมีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ระหว่าง 0.80-1.00 ค่าอำนาจจำแนก ระหว่าง 0.75-0.97 และค่าความเชื่อมั่น 0.99 และแบบสอบถามแนวทางการพัฒนา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีการจัดลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น (PNImodified) ผลการวิจัยพบว่า 1. การจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู มี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การออกแบบการจัดการเรียนรู้ 2) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3) การใช้และพัฒนาสื่อและเทคโนโลยี และ 4) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โดยทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 2. สภาพที่เป็นจริงของการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง และสภาพที่ควรจะเป็น โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 3. ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโดยภาพรวมมีค่าเท่ากับ 0.568 (PNImodified = 0.568) เมื่อพิจารณาเป็นรายองค์ประกอบโดยเรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ การออกแบบการจัดการเรียนรู้ (PNImodified = 0.606) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (PNImodified = 0.577) การใช้และพัฒนาสื่อและเทคโนโลยี (PNImodified = 0.550) และการวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ (PNImodified = 0.531) ตามลำดับ 4. แนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู มี 2 ด้าน คือ ด้านการออกแบบการจัดการเรียนรู้และด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
The purpose of this study was to investigate the needs in developing active learning management of teachers in schools under Nakhon Phanom Primary Educational Service Area Office 2. The sample used in this study consisted of 345 participants of school administrators and teachers under Nakhon Phanom Primary Educational Service Area Office 2 during academic year 2023. They were selected using multi-stage sampling method. The research instruments were a 5-level rating scale questionnaire, which the part of the current situation indicated content validity index ranged from 0.80 - 1.00., discrimination power index ranged between 0.35 - 0.85, and reliability index was at 0.96, while the part of desirable condition indicated content validity index ranged from 0.80 - 1.00, discrimination power index ranged between 0.75 - 0.97, and reliability index was at 0.99., and a questionnaire in developing active learning management. Statistics used in data analysis included frequency, percentage, mean, standard deviation, and the Modified Priority Needs Index (PNImodified). The findings were as follows: 1. Active learning management comprised four components, namely 1) Learning management design, 2) Learning activity management, 3) Media and technology use and development, and 4) Measurement and evaluation. All components were at the highest level of appropriateness. 2. The current condition of active learning management of teachers, in overall, was at moderate level, while the desirable conditions, in overall, was at the highest level. 3. The needs of developing active learning management of teachers was, in overall, achieved PNImodified at 0.568. When considering each component in the order from the highest to lowest, the results showed that Learning management design (PNImodified = 0.606), Learning activity management (PNImodified = 0.577), Use and development of media and technology (PNImodified = 0.550), and Measurement and evaluation (PNImodified = 0.531), respectively. 4. The guidelines of active learning management of teachers proposed two components, namely Learning management design and Learning activity management.
