การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์ และหาค่าอำนาจพยากรณ์ของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการพัฒนาตนเองของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน จำแนกตามจำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง ขนาดของโรงเรียน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานที่ต่างกัน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ มีจำนวน 331 คน จำแนกเป็นผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 75 คน และครูผู้สอน จำนวน 256 คน การกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างใช้ตารางของเครจซี่มอร์แกน (Krejcie and Morgan) และเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multiple Random Sampling) โดยเลือกโรงเรียนทุกโรงเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ ประกอบด้วย แบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .99 และมีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .80-.91 และการพัฒนาตนเองของครูในโรงเรียน มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .98 และมีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .72-.87 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงมาตรฐานา การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน (Pearson’s Product-Moment Correlation Coefficient) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแต่ละขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัย พบว่า 1. ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร โดยรวมอยู่ในระดับมาก 2. การพัฒนาตนเองของครูในโรงเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมาก 3. ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง โดยรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แต่จำแนกตามขนาดของโรงเรียน และตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน โดยรวมไม่แตกต่างกัน 4. การพัฒนาตนเองของครูในโรงเรียน จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง โดยรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แต่จำแนกตามขนาดของโรงเรียน และตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน โดยรวมไม่แตกต่างกัน 5. ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผูบริหาร กับการพัฒนาตนเองของครูในโรงเรียน มีความสัมพันธ์กันทางบวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีความสัมพันธ์ในระดับปานกลาง (rxy = .430) 6. ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร ที่สามารถพยากรณ์ การพัฒนาตนเองของครูในโรงเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จำนวน 3 ด้าน ได้แก่ คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ การมีวิสัยทัศน์ และการมีความยืดหยุ่นและปรับตัว และมีจำนวน 1 ด้านที่สามารถพยากรณ์การพัฒนาตนเองของครูในโรงเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 คือ การมีส่วนร่วมในการทำงานเป็นทีม ได้ร้อยละ 17.90 และมีความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการพยากรณ์ เท่ากับ ±.13542 7. การวิจัยครั้งนี้ได้เสนอแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร 4 ด้านที่ส่งผลต่อการพัฒนาตนเองของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2
The purposes of this research were to examine, compare, identify the relationship, and determine the predictive power of administrators’ creative leadership affecting the self-development of teachers in schools under Nakhon Phanom Primary Educational Service Area Office 2, as perceived by participants, classified by positions, school sizes, and work experience. The sample consisted of 331 participants, including 75 school administrators and 256 teachers. The sample size was determined through the Krejcie and Morgan formula table and multiple random sampling, with each school as a random sampling unit. The instrument for data collection included a set of 5-level rating scale questionnaires on administrators’ creative leadership with the reliability of .99 and the discriminative power ranging from .80 to .91, and the self-development of teachers in schools with the reliability of .98 and the discriminative power ranging from .72 to .87, The statistics for data analysis were percentage, mean, standard deviation, One-Way ANOVA, Pearson’s product-moment correlation coefficient, and Stepwise multiple regression analysis. The results revealed that: 1. The administrators’ creative leadership was overall at a high level. 2. The self-development of teachers in schools was overall at a high level. 3. The administrators’ creative leadership, classified by positions, was overall at the .01 level of significance, whereas there was no difference overall in terms of school sizes, and work experience. 4. The self-development of teachers in schools, classified by positions, was overall and in each aspect, and showed differences at the .01 level of significance, whereas there was no difference overall in terms of school sizes and word experience. 5. The relationship between administrators creative leadership and the self-development of teachers was positive at the .01 level of significance with a moderate level (rxy = .430). 6. The administrators’ creative leadership, consisting of three aspects: creative thinking, visionary outlook, and flexibility and adaptability, was found to significantly predict teachers’ self-development within schools at the .01 level of significance. However, only one aspect, namely teamwork participation, could predict teachers’ self-development within schools at the .05 level of significance, with a predictive accuracy of 17.90 percent and a standard error of estimate of ±.13542. 7. The research has also proposed guidelines for developing administrators’ creative leadership affecting teachers’ self-development within schools under Nakhon Phanom Primary Educational Service Area Office 2.
