การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R & D) มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบของสมรรถนะการปฏิบัติงานในยุคดิจิทัล ของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ ตำแหน่งนักวิชาการศึกษา ในมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2) สร้างและพัฒนารูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานในยุคดิจิทัลของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ ตำแหน่งนักวิชาการศึกษา ในมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3) ศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานในยุคดิจิทัลของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ ตำแหน่งนักวิชาการศึกษา ในมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วิธีดำเนินการวิจัยมี 3ระยะ คือ1) การศึกษาองค์ประกอบของสมรรถนะการปฏิบัติงานในยุคดิจิทัลของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ 2) การสร้างและพัฒนารูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงาน ในยุคดิจิทัลของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ และ 3) การทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานในยุคดิจิทัลของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ กลุ่มตัวอย่างแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในขั้นตอนการวิจัยเชิงสำรวจ จำนวน 212 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi Stage Sampling) 2) กลุ่มตัวอย่างในการทดลองใช้รูปแบบ จำนวน 33 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจงและสมัครใจเข้าร่วม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์และแบบสอบถามความต้องการจำเป็น และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.98 และ 0.97 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาองค์ประกอบและยืนยันองค์ประกอบของสมรรถนะการปฏิบัติงานในยุคดิจิทัลของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ ตำแหน่งนักวิชาการศึกษา ในมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีดังนี้คือ สมรรถนะหลัก ประกอบด้วย 1) การสั่งสมความเชี่ยวชาญในงานอาชีพ 2) การมุ่งผลสัมฤทธิ์ 3) การบริการที่ดี 4) การทำงานเป็นทีม และ 5) การยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรมและจริยธรรม และสมรรถนะเฉพาะตามลักษะงานที่ปฏิบัติ ประกอบด้วย 1) การดำเนินการเชิงรุก 2) ความเข้าใจผู้อื่น 3) การตรวจสอบความถูกต้องตามกระบวนงาน 4) ความยืดหยุ่นผ่อนปรน และ 5) ความเข้าใจข้อแตกต่างทางวัฒนธรรม
2. รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา กระบวนการพัฒนา และการวัดและประเมินผล
3. ผลของการทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงาน มีดังนี้คือ 1) ผลการศึกษาเอกสารประกอบ พบว่า บุคลากรที่เข้ารับการพัฒนา ได้ศึกษาเรียนรู้และทำความเข้าใจรายละเอียดของแต่ละสมรรถนะ ทำให้เกิดความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของการเป็นนักวิชาการศึกษาเพิ่มมากขึ้น 2) ผลการอบรมเชิงปฏิบัติการ พบว่าสมรรถนะหลัก มีค่าเฉลี่ยรวมหลังการอบรมเชิงปฏิบัติการ สูงกว่าก่อนการอบรมเชิงปฏิบัติการ และมีค่าร้อยละความก้าวหน้า 73.91 ส่วนสมรรถนะเฉพาะตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ พบว่า ค่าเฉลี่ยรวมหลังการอบรมเชิงปฏิบัติการสูงกว่า ก่อนการอบรมเชิงปฏิบัติการ และมีค่าร้อยละความก้าวหน้า 69.29 3) ความพึงพอใจของนักวิชาการศึกษาที่เข้าอบรมเชิงปฏิบัติการพบว่า มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และ 4) ผลการฝึกปฏิบัติกิจกรรมและสร้างประสบการณ์จริง ผลพบว่า มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีค่าเฉลี่ยรวมในการประเมินตนเองครั้งที่ 5 สูงกว่าครั้งที่ 1 โดยมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.09 มีค่าความก้าวหน้า 79.47 และ 5) ผลการนิเทศ ติดตามและการประเมินผลการพัฒนาพบว่า มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีค่าเฉลี่ยรวมในการประเมินตนเองครั้งที่ 5 อยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าครั้งที่ 1 โดยมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.12 มีค่าความก้าวหน้า 81.58
This research and development (R&D) aimed to 1) identify the components of performance competencies in the digital age among academic support personnel-educators in Northeastern Rajabhat Universities, 2) construct and develop a model for developing these competencies, 3) evaluate the effects of the model implementation. The research followed a three-phase methodology: 1) identifying the components of performance competencies in the digital age of academic support personnel-educators, 2) constructing and developing a model for developing performance competencies in the digital age of academic support personnel-educators, and 3) implementing and assessing the developed model. The sample comprised two groups: 1) 212 participants for the survey research, selected through multi-stage sampling, and 2) 33 participants for the model implementation, selected through purposive selection and voluntary participation. The research instruments were interview forms and questionnaires with the reliability of 0.98 and 0.97, respectively. Data analysis was performed using percentage, mean, and standard deviation.
The research results revealed that:
1. The core performance competencies of academic support personnel-educators involved: 1) professional expertise, 2) achievement orientation, 3) service excellence, 4) teamwork, and 5) adherence to correctness and ethical standards. The specific performance competencies encompassed: 1) proactive engagement, 2) empathy, 3) accuracy in work processes, 4) flexibility, and 5) cultural awareness.
2. The model for developing performance competencies consisted of five components: principles, objectives, content, development process, and measurement and evaluation.
3. The effects of the model implementation revealed that: 1) Results from participants reviewing supplementary documents indicated that participants gained an understanding of each competency, resulting in a greater understanding of their roles and duties as educators; 2) Workshop attendance results showed that the post-workshop scores of core competencies were higher than pre - workshop levels, with a progress percentage of 73.91. Specific competencies also showed improvement, with a progress percentage of 69.29; 3) Participant satisfaction with the workshop was at the highest level; 4) In actual practice, participants demonstrated sustained improvement, with a mean increase of 2.09 and a progress percentage of 79.47 in the fifth self-assessment compared to the first; and 5) The supervision, monitoring, and evaluation results confirmed ongoing progress, with the fifth self - evaluation scores reflecting the highest levels of improvement, showing an average increase of 2.12 and a progress percentage of 81.58.
