สืบค้นเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) จากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (Thesis Database)
ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

              การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหาร ที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารและครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 322 คน การได้มาของกลุ่มตัวอย่างใช้การสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยด้านภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหาร มีค่าความเที่ยงตรง ระหว่าง 0.80-1.00 ค่าอำนาจจำแนก ระหว่าง 0.28-0.67 ค่าความเชื่อมั่น 0.91 ด้านการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียน มีค่าความเที่ยงตรง ระหว่าง 0.80-1.00 ค่าอำนาจจำแนก ระหว่าง 0.32-0.70 และค่าความเชื่อมั่น 0.89 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบเป็นขั้นตอน              
              ผลการวิจัยพบว่า                 
                    1. องค์ประกอบภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหาร มีจำนวน 7 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การกำหนดเป้าหมายของโรงเรียน 2) การบริหารจัดการหลักสูตร 3) การจัดการเรียนรู้ 4) การวัดประเมินผลและวิจัย 5) การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายใน 6) การจัดให้มีสิ่งจูงใจให้กับครู และ 7) การจัดบรรยากาศในการเรียนรู้ โดยทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก                 
                    2. ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหาร โดยภาพรวมอยู่ในระดับระดับมาก                 
                    3. การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียน ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก                    
                    4. ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารกับการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียนมีความสัมพันธ์กันทางบวกในระดับสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01  
                    5. ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหาร มีอำนาจในพยากรณ์การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จำนวน 3 ด้าน ได้แก่ การจัดให้มีสิ่งจูงใจให้กับครู (X₆) การกำหนดเป้าหมายของโรงเรียน (X₁) และการบริหารจัดการหลักสูตร (X₂) และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำนวน 1 ด้าน ได้แก่ การจัดการเรียนรู้ (X₃) ซึ่งสามารถพยากรณ์การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียนได้ เท่ากับ .742 หรือร้อยละ 74.20 โดยมีความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์ .098 สามารถเขียนเป็นสมการพยากรณ์ ดังนี้                 
                   สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ ดังนี้                     
                         Y’_x = 1.285 + 0.341 (X₆) + 0.173 (X₁) + 0.118 (X₂) + 0.029 (X₃)                 
                   และสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน ดังนี้                     
                         Z’_y = 0.563 (Z₆) + 0.234 (Z₁) + 0.158 (Z₂) + 0.085 (Z₃)                 
                   6. แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารที่ส่งผลต่อ การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียนมี 4 ด้าน ได้แก่ 1) การจัดให้มีสิ่งจูงใจ ให้กับครู 2) การกำหนดเป้าหมายของโรงเรียน 3) การบริหารจัดการหลักสูตร และ 4) การจัดการเรียนรู้

              This study aimed to investigate academic leadership of administrators that affected learning organization of schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 3. The participants consisted of 322 administrators and teachers in schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 3, who were obtained using multi-stage sampling in academic year 2024. The instruments were a 5-level rating scale questionnaire, which the part of academic leadership of administrators indicated validity index ranged between 0.80-1.00, discrimination power between 0.28-0.67, and reliability of 0.91, whereas the part of learning organization of schools indicated reliability index ranged between 0.80-1.00, discrimination power index ranged between 0.32-0.70, and reliability was at 0.89, and a reliability of 0.95 The statistics used. for data analysis included frequency, percentage, mean, standard deviation, Pearsons product moment correlation coefficient, and stepwise multiple regression analysis.   
                 The results found that,         
                     1. The academic leadership components of administrators consisted of seven components, namely 1) school goal setting, 2) curriculum management, 3) learning management, 4) measurement, evaluation and research, 5) internal quality   assurance system development, 6) providing incentives for teachers and 7) creating a learning atmosphere. All components showed high level of propriety. 
                     2. Academic leadership of administrators under the Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 3 was at high level.           
                     3. Learning organization under the Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 3 was at high level.  
                     4. Academic leadership of administrators and learning organization of schools under the Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 3 positively related at high level, with statistical significance at.01. 
                     5. Academic leadership of administrators in providing incentives for teachers (X₆), setting school goals (X₁), curriculum management (X₂) predicted schools learning organization with statistical significance at.01, and learning management (X₃) predicted schools learning organization with statistical significance at .05. Thoses components predicted the schools learning organization at 74.20 percent, with a standard error of .098.                                   
                      Predictive equation written in raw scores:       
                           Y’_x = 1.285 + .341 (X₆) + .173 (X₁) + .118 (X₂) + .029 (X₃)                  
                      Predictive equation written in standardized scores:           
                           Z’_y = .563 (Z₆) + .234 (Z₁) + .158 (Z₂) + .085 (Z₃)    
                      6. Guidelines tor develop academic leadership of administrators that affected schools learning organization composed four aspects, namely 1) providing incentives for teachers, 2) setting school goals, 3) curriculum management and 4) learning management.