การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาสมรรถนะมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหารกลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู ในปีการศึกษา 2567 จำนวน 357 คน ได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยด้านสมรรถนะมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้บริหารสถานศึกษามีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาระหว่าง 0.80-1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.52-0.97 และค่าความเชื่อมั่น 0.98 และด้านประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียน มีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาระหว่าง 0.80-1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.52-0.92 และค่าความเชื่อมั่น 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1. องค์ประกอบสมรรถนะมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้บริหารสถานศึกษา มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 2) คุณภาพของงาน 3) ความมุ่งมั่นพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง 4) การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ และ 5) ความรับผิดชอบ โดยทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนองค์ประกอบประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียน มี 7 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การนิเทศการศึกษา 2) การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา 3) การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ 4) การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา 5) การวัดผล ประเมินผลและดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน 6) การพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และ 7) การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 2. สมรรถนะมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก 3. ประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมาก 4. สมรรถนะมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนมีความสัมพันธ์กันทางบวกในระดับสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 5. สมรรถนะมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้บริหารสถานศึกษา ด้านคุณภาพของงาน (X2) ด้านความมุ่งมั่นพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง (X3) และด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (X1) สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีอำนาจพยากรณ์ร้อยละ 86.50 และมีความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์ .119 สามารถเขียนเป็นสมการพยากรณ์ได้ ดังนี้ สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ Yl = .636 + .276(X2) + .275(X3) + .304(X1) สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน Zly = .322(Z2) + .342(Z3) + .346(Z1) 6. แนวทางการพัฒนาสมรรถนะมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้บริหารสถานศึกษา มี 3 ด้าน ได้แก่ คุณภาพของงาน ความมุ่งมั่นพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งมี 26 แนวทางพัฒนา โดยภาพรวมมีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ อยู่ในระดับมากที่สุด
The study aimed to examine achievement motivation competency of administrators affecting academic affairs administration effectiveness of schools under Mukdahan Primary Educational Service Area Office. The participants of the study comprised 357 administrators and teachers in the academic year 2024, who were selected using multi-stage sampling. The instrument used in data collection was a set of 5-level rating scale questionnaire, which the part of achievement motivation competency of administrators indicated validity index ranged between 0.80-1.00, discrimination power index ranged between 0.52-0.97 and reliability index was at 0.98, and the part of academic affairs administration effectiveness of schools indicated validity index ranged between 0.80 - 1.00, discrimination power index ranged between 0.52-0.92 and reliability index was at 0.98. Statistics used in data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation, Pearson’s correlation coefficient, and Multiple Regression Analysis. The findings were as follows: 1. The achievement motivational competency of administrators consisted of five components, namely 1) initiative creativity, 2) quality of work, 3) commitment to continuous improvement, 4) problem-solving and decision-making, and 5) responsibility. Those five components showed the highest level of propriety. Additionally, the components of academic affairs administration effectiveness of schools consisted of seven components, namely 1) educational supervision, 2) education curriculum development, 3) learning process development, 4) quality assurance, 5) measurement evaluation, and transfer of academic results, 6) development of media and educational technology, and 7) research for educational quality development. Those seven components showed the highest level of propriety. 2. The achievement motivation competency of administrators under the Mukdahan Primary Educational Service Area Office, in overall, was at the high level. 3. The academic affairs administration effectiveness of schools under the Mukdahan Primary Educational Service Area Office, in overall, was at the high level. 4. The achievement motivation competency of administrators and the academic affairs administration effectiveness of schools under the Mukdahan Primary Educational Service Area Office, showed positive correlation at high level with statistical significance at .01. 5. The achievement motivation competency of administrators in quality of work (X2), commitment to continuous improvement (X3), and initiative creativity (X1), were able to predict academic affairs administration effectiveness of schools with the statistical significance at .01 and the predictive power index 86.50 percent along with standard error of prediction of ± .119.The predictive equation was as follows. The predictive equation could be summarized in raw scores: Yl = .636 + .276(X2) + .275(X3) + .304(X1) The predictive equation in standardized scores: Zly = .322(Z2) + .342(Z3) + .346(Z1) 6.The guidelines for develop performance achievement motivation competency of administrators composed of three elements, namely 1) quality of work 2) commitment to continuous improvement and 3) initiative creativity. There were twenty-six approaches which showed the highest level of propriety and feasibility
