การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นผู้บริหารและครู จำนวน 324 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประเมินค่า 5 ระดับ โดยด้านภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารสถานศึกษา มีค่าความเที่ยงตรงระหว่าง 0.80–1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.35-0.70 และค่าความเชื่อมั่น 0.93 ส่วนด้านประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน มีค่าความเที่ยงตรงระหว่าง 0.80–1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.38-0.69 และค่า ความเชื่อมั่น 0.95 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1. ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารสถานศึกษา มี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การสร้างวิสัยทัศน์ 2) การเผยแพร่วิสัยทัศน์ 3) การปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ และ 4) การเป็นแบบอย่างที่ดี โดยทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดส่วนประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การจัดการเรียนรู้ 2) การพัฒนาวิชาชีพ 3) การพัฒนาผู้เรียน 4) การบริหารจัดการชั้นเรียน และ 5) ความพึงพอใจในงาน โดยทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 2. ระดับภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 โดยรวมอยู่ในระดับมาก 3. ระดับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 โดยรวมอยู่ในระดับมาก 4. ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 มีความสัมพันธ์กันทางบวกในระดับสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 5. ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารสามารถพยากรณ์ประสิทธิผล การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จำนวน 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ (X3) 2) ด้านการสร้างวิสัยทัศน์ (X1) และ 3) ด้านการเป็นแบบอย่างที่ดี (X4) โดยมีอำนาจพยากรณ์ร้อยละ 79.70 และมีความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์เท่ากับ .268 สามารถเขียนเป็นสมการพยากรณ์ ดังนี้ สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ Y/ = .580 + .440(X3) + .229(X1) + .194(X4) สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน Z/y = .477(Z3) + .271(Z1) + .194(Z4) 6. แนวทางพัฒนาภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 มีจำนวน 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ 2) ด้านการสร้างวิสัยทัศน์ และ 3) ด้านการเป็นแบบอย่างที่ดี
The purpose of this research was to investigate the visionary leadership of administrators affecting performance effectiveness of teachers in schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 3. The samples comprised of 324 administrators and teachers, who were recruited using multi-stage sampling. The tool used in data collection was a 5 level rating scale questionnaire, which the part of visionary leadership revealed validity index ranged between 0.80-1.00, discrimination power index ranged between 0.35-0.70, and reliability index was at 0.93, whereas the part of teachers’ performance indicated validity index ranged between 0.80-1.00, discrimination power ranged between 0.38-0.69, and reliability index was at 0.95. Statistics used in data analysis were percentage, mean, standard deviation, Pearson’s product–moment correlation and stepwise multiple regression analysis. The findings were as follows. 1. The visionary leadership of the administrators in schools comprised four components, namely vision building, vision dissemination, vision implementation, and being a role model. All components showed the highest level of propriety. Additionally, the teachers’ performance effectiveness comprised five components, namely learning management, professional development, learner development, classroom management, and job satisfaction. All components showed the highest level of propriety. 2. The visionary leadership of administrators in schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 3, in overall, was at the high level. 3. The performance effectiveness of teachers in schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 3, in overall, was at the high level. 4. The administrators’ visionary leadership and the performance effectiveness of teachers in schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 3 showed positively correlated at high level with statistical significance at .01. 5. The administrators’ visionary leadership could predict the performance effectiveness of teachers in schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 3 with statistical significance at .01 in three factors, namely 1) Vision implementation (X3), 2) Vision building (X1), and 3) Being a role model (X4). The predictive power was at 79.70 % and the standard error of estimate was at .268. The predictive equations were shown as below. Raw score equation Y/ = .580 + .440(X3) + .229(X1) + .194(X4) Standard score equation Z/y = .477(Z3) + .271(Z1) + .194(Z4) 6. The guidelines for developing the visionary leadership affecting the teachers’ performance effectiveness under Sakonnakhon Primary Education Service Area Office 3 comprised three aspects, namely 1) Vision building, 2) Vision implementation, and 3) Being a role model.
