การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย คือเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์ อำนาจพยากรณ์ และแนวทางพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากรในโรงเรียนปีการศึกษา 2567 กำหนดกลุ่มตัวอย่างใช้ตารางของ Krejcie and Morgan ได้จำนวน 339 คน โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยใช้เทคนิคการสุ่มแบบกลุ่ม ตามการจัดกลุ่มโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา ผู้วิจัยจึงได้จัดกลุ่มตัวอย่างเป็น 2 กลุ่มได้แก่ กลุ่มขนาดเล็กและกลุ่มขนาดใหญ่ เครื่องมือในการวิจัย เป็นแบบสอบถามตามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับประกอบด้วยแบบสอบถามภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหาร มีค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง 0.460 - 0.909 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.944 แบบสอบถามแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูของครูในโรงเรียน มีค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง 0.347 - 0.847 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.935และแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบที (t - test) สถิติทดสอบเอฟ (F - test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน การวิเคราะห์การถดถอยอย่างง่าย ผลการวิจัยพบว่า 1. ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01 2. แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01 3. ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามตำแหน่งหน้าที่ โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ในส่วนของขนาดของโรงเรียน และขนาดกลุ่มโรงเรียนไม่มีความแตกต่างกัน 4. แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูของครู จำแนกตามขนาดของโรงเรียน โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และในส่วนของตำแหน่งหน้าที่และขนาดกลุ่มโรงเรียนโดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน 5. ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา กับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูของครูในโรงเรียน โดยภาพรวมและรายด้าน มีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ในระดับสูง (rxy = 0.756) 6. ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา มีจำนวน 5 ด้านที่สามารถพยากรณ์แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูของครูในโรงเรียน โดยภาพรวม จำนวน 5 ด้าน คือการควบคุมและประเมินกลยุทธ์ ความคิดความเข้าใจระดับสูง การคิดเชิงปฏิวัติเพื่อการเปลี่ยนแปลง การกำหนดวิสัยทัศน์เชิงสร้างสรรค์ ด้านการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติอย่างมีคุณธรรม ได้ร้อยละ 60.50 และมีความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการพยากรณ์ เท่ากับ 0.275 สามารถเขียนสมการการวิเคราะห์พหุคูณถดถอยในรูปคะแนนดิบ ดังนี้ Y′t = 1.483 + 0.154 X7 + 0.207 X8 + 0.226 X1 +0.230X5 -0.141 X4 7. แนวทางที่เหมาะสมในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครู มีจำนวน 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติอย่างมีคุณธรรม คือผู้บริหารสามารถปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้ 2) ด้านการควบคุมและประเมินกลยุทธ์ คือผู้บริหาร มีการกำหนดกระบวนการควบคุมและประเมินผลการติดตามผลการดำเนินงาน 3) ด้านความคิดความเข้าใจระดับสูงคือผู้บริหารต้องวางแผนงานและโครงการอย่างเป็นระบบ 4) ด้านการคิดเชิงปฏิวัติเพื่อการเปลี่ยนแปลงคือ ผู้บริหารให้บุคลากรทุกคนเสนอนวัตกรรมหรือแนวทางใหม่ ๆ และ 5) ด้านการกำหนดวิสัยทัศน์เชิงสร้างสรรค์ คือวิสัยทัศน์ต้องมีความชัดเจน ท้าทาย และมีลักษณะที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากรในองค์กร
This research aimed to explore, compare, and determine the relationship, identify the predictive power, and establish guidelines for developing school administrators’ strategic leadership that affected the teachers ’ performance motivation in schools under Nakhon Phanom Primary Educational Service Area Office 2. The sample consisted of 339 school personnel in the 2024 academic year. The sample size was determined using the Krejcie and Morgan Table and selected through cluster sampling based on the school groups in the educational service area. The researcher divided the sample into two groups: a small group and a large group. The research instrument comprised questionnaires using a 5-level rating scale, and interview forms. One set of questionnaires assessed school administrators’ strategic leadership, with the discriminate power value ranging from 0.460 to 0.909 and the reliability of 0.944. Another set measured teachers’ performance motivation, with discriminative power values ranging from 0.347 to 0.847 and the reliability of 0.935. The statistics used were frequency, percentage, mean, standard deviation, Independent Samples t-test, One-Way ANOVA, Pearson's product-moment correlation coefficient, and Stepwise multiple regression analysis. The findings were as follows: 1. The overall school administrators’ strategic leadership was rated at a high level, with the 0.01 level of significance. 2. The overall teachers' performance motivation in schools was rated at the highest level, with the 0.01 level of significance. 3. The overall school administrators’ strategic leadership, when classified by participants’ positions, showed a statistically significant difference at the 0.01 level. However, no significant differences were found in terms of school sizes or school group sizes. 4. The overall teachers' performance motivation, when classified by participants’ school sizes, showed a statistically significant difference at the 0.05 level. However, no significant differences were observed regarding positions and school group sizes. 5. The school administrators’ strategic leadership and teachers' performance motivation in schools, overall and in each aspect, had a positive relationship at the 0.01 level of significance, with a high correlation (rxy = 0.756). 6. The school administrators’ strategic leadership could predict teachers' performance motivation at 60.50 percent, with a standard error of estimate of 0.275, comprising five aspects: Strategic control and evaluation, high level of thinking and understanding, revolutionary thinking for change, creative vision formulation, and ethical implementation of strategies. The multiple regression analysis equations could be written in the form of raw scores as follows: Y′t = 1.483 + 0.154 X7 + 0.207 X8 + 0.226 X1 +0.230X5 -0.141 X4 7. The guidelines for developing school administrators’ strategic leadership, which affect teachers' performance motivation encompass five aspects: 1) Ethical Implementation of Strategies, school administrators perform the established strategic and operational plans; 2) Strategic Control and Evaluation, school administrators must formulate processes for controlling and assessing operational outcomes; 3) High level of thinking and understanding, school administrators must plan each project systematically; 4) Revolutionary Thinking for Change, administrators should encourage personnel to propose innovations and new approaches. and 5) Creative Vision Formulation, school administrators must possess clear and challenging visions that inspire personnel within the organization.
